รัชกาลที่ 8
การแต่งกายของสตรีไทยในสมัยรัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
(พ.ศ.2477 – พ.ศ.2489 ระยะเวลา 12 ปี)
สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ในช่วงยุครัฐนิยม โดยมีจอมพลป. พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ
ในรัฐนิยมฉบับที่ 10 ลงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2484 เรื่อง “เครื่องแต่งกายของประชาชนชาวไทย”ได้สร้างความเป็นระเบียบในการแต่งกายของคนในชาติ
โดยมีการกำหนดเครื่องแต่งกายออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. เครื่องแต่งกายธรรมดา คือที่ใช้ในชุมชน
สาธารณชน
2. เครื่องแต่งกายทำงาน คือแต่งเมื่อประกอบงานหรืออาชีพโดยปกติ
3. เครื่องแต่งกายตามโอกาส ได้แก่แต่งในกาลเทศะที่เหมาะสมเช่น
เล่นกีฬาหรือเข้าสังคม
โดยทั่วไปแล้ว
รูปแบบการแต่งกายทั้งชายและหญิง สวมหมวก หลังจากรัฐนิยมฉบับที่ 10 ที่กล่าวมาแล้วนัก มีความว่าขอเชิญชวนให้สตรีไทยร่วมมือกันสวมหมวกเป็นการ “สวมหมวกเพื่อการส่งเสริมการสร้างชาติของท่านในสตรีไทยให้เด่นยิ่งขึ้น” รัฐบาลขอเชิญชวนและนัดหมายว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2484 เป็นวันปฐมฤกษ์ที่จะใ่หมวกพร้อมเพรียงกันอีกครั้งหนึ่ง (ก่อนนั้น อาจจะยังมีคนสวมหมวกบ้างไม่สวมบ้าง จึงต้องนัดวันให้อีก) นอกจากนี้รัฐบาลก็ได้พยายามแนะนำวิธีการใช้หมวกตามโอกาสต่างๆ
การเลือกสรรหมวก การถอดหมวก
เสื้อผ้า
ผู้หญิงจะสวมเสื้อแบบไหนก็ได้แต่ต้องคลุมไหล่
เสื้อที่มีแขน
เลิกใช้ผ้าโจงกระเบน
เปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าถุง(ในรัฐนิยม กล่าวแต่การนุ่งผ้าถุง
ที่จริงกระโปรงก็เป็นอีกขั้นหนึ่งที่เกิดขึ้นแพร่หลายในสมัยนั้นเป็นเครื่องแต่งกายฝ่ายหญิงที่เริ่มนุ่งกันทั่วไป
ควบคู่กับการนุ่งผ้าถุง แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้ว
นุ่งผ้าถุงมากกว่าเพราะกระโปรงเป็นของแปลกใหม่ และออกจะเป็นเรื่องของชาวกรุงอยู่สักหน่อย) จากการสอบถามชาวบ้านหลายจังหวัดในภาคกลางได้รับคำตอบเหมือนกันคือเพิ่งรู้จักผ้าถุงสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม ทั้งสิ้น
การยกเลิกการนุ่งโจงกระเบน
ในสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม
ถึงแม้ขุนนางหรือข้าราชการเก่าๆจะยังคงนุ่งโจงกระเบนกันอยู่บ้าง อต่ก็นับว่าน้อยมาก
บางคนแต่งเมื่อไปงานพิธีกรรมหรือถ่ายรูปเท่านั้น
เพราะในข้าราชการก็สวมกางเกงสากลกันหมด ครั้นในปีพ.ศ.
2478 ทางคณะรัฐบาลจึงได้ออกพระราชบัญญัติการแต่งกายของ้าราชการพลเรือโดยให้ข้าราชการเลิกนุ่งผ้าม่วงโดยเด็ดขาด
และกำหนดเครื่องแบบการแต่งกายของข้าราชการพลเรือนขึ้นใหม่ดังที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
การนุ่งผ้าโจงกระเบนในส่วนของชาวบ้าน
แถบนอกๆยังมีอยู่บ้างคือที่เป็นคนแก่ๆ หรือไม่ก็พวกเล่นเพลง
เล่นละครอันเป็นการจำเป็น นอกนั้นนุ่งผ้าถุงหรือกระโปรงสมัยใหม่กันมากแล้ว
เครื่องประดับ
ใส่ต่างหูและกำไล
สวมสร้อยคอ
รองเท้า
สวมรองเท้าสุภาพ
มีสวมกันทั่วไปแต่ก็ไม่ถึงกับพร้อมเพียงเพราะปัจจุบันนี้คนที่ยังไม่สวมรองเท้าก็มีอีกมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น