รัชกาลที่ 6
การแต่งกายของสตรีไทยในรัชกาลที่ 6
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พ.ศ.2453 –พ.ศ.2468 ระยะเวลา 15 ปี)
ในรัชกาลที่
6 ตอนต้น ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า ผู้หญิงโดยทั่วไปนุ่งโจงกระเบน
ใส่เสื้อระบายลูกไม้ แขนยาวเสมอข้อศอก แต่แขนเสื้อไม่พองเหมือนแบบสมัยรัชกาลที่ ๕
นิยมสะพายแพรพาดไหล่ทับเสื้ออีกทีหนึ่ง
ในส่วนของประชาชนธรรมดาจะนุ่งกางเกงผ้าแพรของจีนหรือผ้าม่วง ผ้าพื้นตามกําลังฐานะ
สวม เสื้อคอกลมสีขาว (ผ้าบาง) สวมรองเท้าบ้างไม่สวมรองเท้าบ้าง
เราอาจจะพอทราบกันดีว่ารัชกาลที่
6 มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน
ซึ่งหนึ่งในด้านที่เปลี่ยนแปลงก็คือเรื่องของการแต่งกายด้วย
อาจจะเกิดจากที่ในสมัยนี้มีการติดต่อกับประเทศตะวันตกถึงความเจริญของบ้านเมืองทั่วๆไป
เริ่มเป็นสมัยใหม่ขึ้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างไปทางตะวันตกมากขึ้น
อาจสามารถอธิบายได้ว่า
รัชกาลที่ 6 โปรดให้ผู้หญิงนุ่งแบบใช้ผ้าซิ่น ผ้าซิ่นจะเป็นพวกซิ่นไหม
และซิ่นเชิงทอด้วยเส้นเงิน เส้นทอง ทำให้เกิดเสื้อแบบใหม่ๆ
สําหรับเข้าชุดกับผ้าซิ่นขึ้น การสะพายแพรไม่เป็นที่นิยมกันต่อไป นอกจากสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์จะแต่งกายเต็มยศ
ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
ยังคงใช้แพรปักตราจุลจอมเกล้าสะพายอยู่เหมือนเดิม (การสะพายแพรยกเลิกในรัชกาลที่
๗) ในส่วนของการนุ่งซิ่นสําหรับคนชั้นสูง นิยมนุ่งซิ่นเชิงไหม ใส่เสื้อรัดรูปแบบต่างๆ
แขนยาว เกล้าผม สวมรองเท้าส้นสูง
ผ้าที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่สตรีชั้นสูงตั้งแต่ครั้งปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นจะเป็นช่างฝีมือทอผ้าจาก
และเพื่อให้เข้ากับการนุ่งซิ่นผู้หญิงในสมัยนี้จึงสวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูงด้วย
แต่ไม่นิยมถุงน่องที่เป็นผ้าโปร่งมีลวดลายหรือปักดิ้นอย่างแต่ก่อน
แต่หันไปนิยมถุงน่อง เป็นสีพื้นธรรมดา เพื่อให้เข้ากับสีผ้าซิ่นหรือสีเสื้อแทน
ผ้าคาดศีรษะ
ในสมัยนี้จะนิยมใช้เครื่องประดับคาดที่ศีรษะ
ผู้ริเริ่มคือ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระวรกัญญาปทาน
มีตั้งแต่เป็นผ้าชิ้นเล็กยาวปักดิ้น ผ้าพื้นธรรมดา ทองคําขาวประดับเพชร
ไข่มุกสร้อย หลายสาย แล้วแต่ว่าแบบไหนเข้ากับตัวเสื้อ
เครื่องประดับ
นิยมเครื่องประดับที่มาจากตะวันตก
เช่น นาฬิกาข้อมือ สร้อยคอเล็ก ห้อยล๊อกเก็ต แทนการห้อยจี้
ซึ่งเป็นเครื่องประดับแบบไทยแต่เดิม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น