แนวทางการแต่งกายในอนาคต

จากที่เราได้ทราบวิวัฒนาการการแต่งกายในยุครัตนโกสินทร์ ยุคปัจจุบันเราจึงได้คิดต่อได้อีกว่าการแต่งกายในอนาคตนั้นจะมีการแต่งกายแบบใดโดยได้จำแนกออกเป็น

      1.การแต่งกายตามกระแสนิยม

         ล้วนเป็นเรื่องของอาการทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอและปัจจัยการกระทำของมนุษย์
กระแสนิยมการแต่งกายในอนาคต พบว่า
         คนไทยแต่งกายตามบุคคลที่มีชื่อเสียงและชื่นชอบโดยเฉพาะหมู่วัยรุ่น  โดยกระแสนิยมในปัจจุบันมักขัดแย้งกับรูปแบบการแต่งกายในอดีต   ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามตามกาลเวลาและบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น    อย่างเช่นในปัจจุบันมีละครพีเรียดเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่กำลังเป็นกระแส
ทำให้ผู้คนสนใจแต่งกายตามละคร   ห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารก็มีการจัดกิจกรรมให้แต่งกายตามละครเพื่อจะได้โปรโมชั่น 
        ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแนวโน้มในอนาคตดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยากที่จะจับติดและเกาะตามกระแสนิยม หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า ‘เทรนด์’ ที่ผลัดกันหมุนเปลี่ยนเวียนกลับซ้ำไปซ้ำมาตามกาลเวลา  เนื่องจากเทรนด์ใหม่กลายเป็นเทรนด์เก่า เทรนด์เก่ากลับมานิยมใหม่ ดังคำกล่าวที่ว่าไม่เคยมีคำว่า ‘ใหม่’ ในวงการแฟชั่น  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำล้วนแต่มีคนเคยทำมาแล้วทั้งสิ้นในอดีต


     2.การแต่งกายตามรสนิยม

         รสนิยม คือ  ความชื่นชอบส่วนบุคคลซึ่งบางคนก็ไม่ได้ตามกระแสคือการแต่งตัวตามตัวเองหรือเกิ
ดจากความมั่นใจในตนเองเป็นหลักซึ่งการแต่งกายของแต่ละบุคคลก็แสดงถึงบุคลิก
หรือลักษณะนิสัยของแต่ละบุคคลได้ เช่น บางคนใส่เสื้อผ้ามิดชิดก็อาจแสดงถึงคนที่สุภาพเรียบร้อย
เสื้อผ้าก็เหมือนกันกับการชมศิลปะคือไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนในการวัดความงามแต่ต้องอาศัย
ความรู้ความเข้าใจบางอย่างมาค้นหาความงามดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าจึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้

      3.อิทธิพลการแต่งกายจากต่างชาติในอนาคต

          ปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลต่างๆนั้นง่ายมากเนื่องจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรวดเร็ว
นำเสนอข่าวสารใหม่ๆให้ทราบเสมอและเราสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้สะดวกมาก
ยิ่งขึ้น
        ดังนั้นการที่แฟชั่นการแต่งกายจากต่างชาติจะเข้ามามีอิทธิพลกับเราจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ในอนาคตหากการแต่งกายของคนไทยได้รับอิทธิพลจากต่างชาติก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป
ตามแฟชั่นหรือสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น เช่น  บุคคลที่ชื่อเสียง ภาพยนตร์
ละครต่างๆและอาจจะมีการนำการแต่งกายของต่างชาติมาผสมผสานปรับใช้กับการแต่งกาย
ของคนไทยให้มีความเหมาะสมกับวัฒนธรรมและสภาพอากาศในประเทศ

         4.การแต่งกายกับสภาพภูมิอากาศ

         ในประเทศไทยนั้นพบสภาพภูมิอากาศมักเปลี่ยนไปตามฤดูกาลซึ่งเราจะเห็นได้จาการ
แต่งกายของแต่ละบุคคลที่บอกถึงว่าสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เช่น -
ฤดูร้อน คนไทยก็จะใส่กางเกงขาสั้น เสื้อนแขนกุด
- ฤดูหนาว คนไทยก็ใสเสื้อหนาแขนยาว กางเกงวอร์ม
- ฤดูฝน คนไทยก็จะใส่เสื้อกันฝนทับเสื้อผ้าที่ตนใส่ เมื่อเวลาฝนตก
จากตัวอย่างนั้นทำให้เราคิดว่าในอนาคตนั้นเสื้อผ้าก็ได้พัฒนาตามภูมิอากาศเหมือนกัน
ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า  จึงได้มีการคิดค้นเส้นใยในการตัดเย็บเสื้อผ้าและเนื้อผ้าที่ทันสมัย
เช่น ผ้ากันแสงยูวี ผ้ากันความหนาว ซึ่งได้มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค

         5.การแต่งกายกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

          เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในโลกของเรา กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างเต็มขั้น
กล่าวคือ มีนวัตกรรมมากมายเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต การทำกิจกรรม รวมถึงการทำธุรกิจ
         นอกจากนี้เทคโนโลยียังส่งผลต่อการประดิษฐ์ หรือสร้างสิ่งต่าง ๆ โดยเน้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลง
และพัฒนาของเทคโนโลยีนี้ย่อมส่งผลต่อการแต่งกายของคนไทยเช่นกัน ปัจจุบันมีนวัตกรรมการผลิตเสื้อผ้าที่แปลกใหม่มากมาย
         ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น จึงทำให้การออกแบบเสื้อผ้าเป็นไปได้อย่างง่าย และรวดเร็วมากขึ้น
จึงเกิดเป็นแฟชั่นที่ใหม่ โดดเด่น สะดุดตาขึ้นมา อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ใช้ผ่านเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าอีกอย่างหนึ่ง คือ  ระบบการทำงานที่สามารถส่งสัญญาณจากโทรศัพท์มายังเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ได้ เช่น เสื้อยืดที่มีลวดลายเป็นไฟ LED  ทำให้เสื้อนั้นสามารถเปลี่ยนลวดลายได้อยู่เสมอ โดยใช้การสั่งงานผ่านแอพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ตัวอย่างการคิดค้นนี้แสดงให้เห็นว่า ในอนาคตเราอาจมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่แปลกใหม่เกิดขึ้น
โดยที่มีเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเครื่องแต่งกายแนวล้ำสมัยเช่นนี้จนกลายเป็นที่นิยมของคนไทยได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รัชกาลที่ 1-3

รัชกาลที่ 6

รัชกาลที่ 8